โฉมที่ 2 (ค.ศ. 1996 - 2002) ของ ดอดจ์ ไวเปอร์

ดอดจ์ ไวเปอร์ โฉมที่ 2

ดอดจ์ ไวเปอร์ โฉมที่ 2 รู้จักกันในชื่อ GTS (อันที่จริง ยังมีการผลิตไวเปอร์โฉมที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า RT/10 อยู่ด้วย) มีรูปทรงคล้ายคลึงกับรุ่นแรกอย่างมาก จะต่างกันบ้างตรงที่ มีตัวถังแบบคูเป้ และเปิดประทุน (รุ่นแรก ไม่มีตัวถังคูเป้) และหลังคารถสูงขึ้น เพื่อเว้นที่สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการสวมหมวกนิรภัยขณะแข่ง แต่สิ่งที่ทำให้สองรุ่นนี้แตกต่างกัน คือ เครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบใหม่ ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น 49 แรงม้า (เป็น 444 แรงม้า) และน้ำหนักเบาลง 33 กิโลกรัม รวมทั้งการเปลี่ยนไปใช้ชัสซีส์ตัวถังใหม่ทั้งหมด ทำให้ตัวถังรถรุ่นใหม่เบากว่ารุ่นแรก 27 กิโลกรัม แต่แข็งขึ้น 25% สมรรถนะของไวเปอร์โฉมที่ 2 เป็นดังนี้

  • เร่งความเร็ว 0-97 กม./ช.ม. : 4.0 วินาที[4]
  • เร่งความเร็ว 0-161 กม./ช.ม. : 8.6 วินาที
  • ควอเตอร์ไมล์ : 12.2 วินาที[4]
  • ความเร็วสูงสุดในควอเตอร์ไมล์ : 192 กม./ช.ม.
  • ความเร็วสูงสุด : 301 กม./ช.ม.[4]
  • ความเร็วสูงสุดขณะวิ่งซิกแซก : 118.4 กม./ช.ม.
  • แรงเหวี่ยงสูงสุดขณะหักเลี้ยว : 1.01 จี

จากสมรรถนะดังกล่าว นิตยสาร Motor Trend ได้จัดให้ไวเปอร์ GTS เป็นรถแข่งที่สมรรถนะสูงกว่า เฟอร์รารี 550, ปอร์เช 911, เชฟโรเลต คอร์เวตต์ และ ฮอนด้า เอ็นเอสเอกซ์ ในยุคเดียวกัน แต่ไวเปอร์รุ่นที่สอง ยังมีข้อด้วยถึงการเบรก เพราะระยะที่ใช้ในการหยุดรถจากความเร็วสูงนั้นมากกว่าบรรทัดฐานที่ควรจะเป็น (หมายถึง เบรกไม่ดี) ซึ่งก็ได้มีการชดเชยเฉพาะหน้าโดยการติดตั้งระบบเบรกแบบ ABS ลงไป แต่อย่างไรก็ตาม ไวเปอร์โฉมที่ 2 ก็ประสบความสำเร็จในวงกว้างเช่นเดิม

แหล่งที่มา

WikiPedia: ดอดจ์ ไวเปอร์ http://www.autoblog.com/2009/03/25/one-fast-snake-... http://www.autoblog.com/2012/04/04/2013-srt-viper-... http://www.dodge.com/viper/ http://www.edmunds.com/insideline/do/Features/arti... http://blogs.insideline.com/straightline/2010/06/m... http://blogs.insideline.com/straightline/2010/07/d... http://jalopnik.com/5899094/2013-srt-viper-the-sna... http://www.motortrend.com/roadtests/112_9705_1997_... http://www.motortrend.com/womt/112_0306_spdtest/in... http://web.archive.org/web/20080913235433/http://w...